All News · February 16, 2023

7 พรรคขายฝันนโยบายท่องเที่ยว รื้อกฎหมาย-ผุดกองทุนตั้งรับวิกฤต

“แอตต้า” ผนึกสมาคมโรงแรมไทยส่องนโยบายท่องเที่ยว 7 พรรคการเมืองใหญ่ประสานเสียงดันท่องเที่ยวสร้างเศรษฐกิจประเทศ แนะรื้อกฎหมาย เปิดโอกาสผู้ประกอบการทุกระดับแข่งขันได้ กระจายอำนาจบริหารสู่ท้องถิ่น ส่งเสริมเที่ยวเมืองรอง ลงทุนสร้างแพลตฟอร์มแข่งอะโกด้า แก้ปัญหาโอทีเอต่างชาติดูดเงินออกนอกประเทศ พร้อมตั้งกองทุนหนุนอุตฯท่องเที่ยวเติบโตยั่งยืน

นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) หรือแอตต้า เปิดเผยว่า ปี 2562 ก่อนวิกฤตโควิดอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสร้างรายได้ถึง 3 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนราว 20% ของ GDP มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคน โดยปี 2566 นี้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยกลับมามีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยรัฐบาลตั้งเป้ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 25-28 ล้านคน สร้างรายได้ราว 2.38 ล้านล้านบาท

จากแนวโน้มดังกล่าวบวกกับสถานการณ์ของประเทศไทยที่กำลังจะมีการเลือกตั้งใหม่ในช่วงกลางปีนี้ สมาคมแอตต้าจึงได้ร่วมมือกับสมาคมโรงแรมไทย (THA) ได้จัดเสวนาพิเศษจากตัวแทนจาก 7 พรรคการเมืองใหญ่ หัวข้อ “พรรคใหน ใส่ใจเรื่องท่องเที่ยวปี พ.ศ. 2566” เพื่อนำเสนอแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของรัฐบาลในอนาคต

ATTA

รื้อกฎหมายหนุนทุกคนแข่งขันได้

นายวรภพ วิริยะโรทยน์ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยมีจุดเด่นที่ชัดเจนอยู่แล้ว หากรัฐบาลตั้งเป้าว่าจะทำให้ประเทศสามารถท่องเที่ยวได้ในทุกช่วงวัยของชีวิต หรือตลอดชีวิต จะสามารถยกระดับได้อีกมาก เช่น ส่งเสริมการท่องเที่ยวกับกลุ่มครอบครัว การท่องเที่ยวในช่วงวัยทำงาน การท่องเที่ยววัยเกษียณ ฯลฯ

ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลได้วางนโยบายด้านการท่องเที่ยวไว้ 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.การแก้และยกเลิกกฎหมายที่ล้าสมัย เช่น กฎหมายโรงแรม เพื่อเปิดทางให้โรงแรมขนาดเล็กเข้าสู่ระบบและสามารถแข่งขันได้ 2.การกระจายอำนาจการบริหารลงสู่ท้องถิ่นมากขึ้น เพราะการยึดติดกับนโยบายส่วนกลางเป็นหลักทำให้ประเทศไทยเดินไปไกลกว่านี้ไม่ได้ และ 3.สร้างงานและสร้างอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์

นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการยกระดับระบบฐานข้อมูลด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มกลางสำหรับประเทศไทย เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงกลุ่มลูกค้า รวมถึงแก้ปัญหา OTA ต่างชาติเอาเปรียบ

ดันตั้งกองทุนเพื่ออุตฯท่องเที่ยว

นายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่ทำรายได้เข้าประเทศเป็นอันดับ 2 พรรคชาติไทยพัฒนาจึงได้วางนโยบายไว้ว่า ทำท่องเที่ยวไทยให้ยั่งยืน ฟื้นคืนความสมดุลทุกภาคส่วน ภายใต้ 5 นโยบายหลัก

ได้แก่ 1.ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองและการท่องเที่ยวชุมชน 2.ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน เพื่อไม่ให้ประเทศมีแหล่งท่องเที่ยวที่เสียหายจากการท่องเที่ยว 3.มีมาตรฐานของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น มาตรฐานแหล่งท่องเที่ยว มาตรฐานไกด์ มาตรการรถขนส่ง ฯลฯ 4.การท่องเที่ยวศักยภาพสูง เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การประชุมสัมมนา ซึ่งเป็นกลุ่มใช้จ่ายสูง และ 5.ตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมท่องเที่ยวในยามวิกฤต

“ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทำรายได้ให้ประเทศปีละ 3 ล้านล้านบาท แต่พอเกิดวิกฤตรัฐบาลไม่ให้ความช่วยเหลือ ชี้ว่ารัฐบาลกำลังเอาเปรียบอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ประเด็นนี้พรรคชาติไทยพัฒนามั่นใจว่าเราเข้าใจทำได้” นายสัมพันธ์กล่าว

แนะพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์

ด้าน ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การท่องเที่ยวคือคำตอบของประเทศไทย พรรคประชาธิปัตย์จึงมีนโยบายนำบทเรียนที่ผ่านมามาทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีความยั่งยืน โดยให้ภาคเอกชนเป็นผู้นำและให้รัฐบาลเป็นฝ่ายสนับสนุน

รวมทั้งทำให้กฎกติกาต่างมีความสะดวกในทางปฏิบัติมากขึ้น และนำข้อมูลของอุตสาหกรรมมาพัฒนาเป็นแพลตฟอร์มของตัวเอง เพราะเชื่อว่าดาต้าเบส หรือฐานข้อมูลคือคำตอบที่ดีและตรงเป้าหมายที่สุด ที่สำคัญต้องพัฒนาให้การท่องเที่ยวเป็นประโยชน์ต่อคนตัวเล็ก หรือชุมชนในท้องถิ่นด้วย

“เราต้องยอมรับว่า ทุกวันนี้ OTA ต่างชาติเข้ามาเยอะมาก ทุกวันนี้อะโกด้าคิดคอมมิชชั่นถึง 25% แถมกวาดเงินออกนอกประเทศไปหมด ดังนั้นรัฐบาลควรสนับสนุนเงินทุนเพื่อมาพัฒนาแพลตฟอร์มของประเทศแข่งขันกับต่างชาติ เพราะทุกวันนี้คนรุ่นใหม่นิยมจองผ่านระบบออนไลน์” ดร.พิมพ์รพีกล่าว

ดันไทยสู่เดสติเนชั่นระดับโลก

ขณะที่นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สำหรับพรรคเพื่อไทยนั้นจะทำให้รัฐบาลเห็นความสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและทวงคืนพื้นที่ของประเทศไทยในเวทีโลก ด้วยการเพิ่มจุดขายใหม่ของทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

โดยมีนโยบาย 1 อำเภอ 1 เดสติเนชั่น (New Landmark) และนำเสนอนโยบายทะเล 5 สี เช่น ทะเลสีแดง คือพัฒนาการแข่งขันในเชิงคุณภาพในด้านการใช้จ่ายต่อหัว ทะเลสีเขียวสำหรับดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม ทะเลสีรุ้งดูแลและยกระดับตลาด LGBTQ เป็นต้น ขณะเดียวกันก็ต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศควบคู่ไปด้วย โดยมีเป้าหมายทำให้ประเทศไทยเป็น world class destination

พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรับ

นายเทมส์ ไกรทัศน์ พรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า สำหรับนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า ประกอบด้วย 3 ประเด็น คือ 1.เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวสู่จำนวน 80 ล้านคน ในระยะเวลา 4 ปี จากฐานเดิมที่ปี 2562 ที่มีจำนวน 40 ล้านคน พร้อมกับรักษาทรัพยากรธรรมชาติไว้ดังเดิม

“ไทยมีตลาดการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวจากจีน รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย อินเดีย และประเทศในภูมิภาคอาเซียน” นายเทมส์กล่าวและว่า นอกจากนี้ยังควรให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ รวมถึงนักท่องเที่ยว Digital NOMAD ซึ่งมีการใช้จ่ายสูง โดยมีโครงสร้างขั้นพื้นฐานที่เหมาะสม

2.การเพิ่มจำนวนวันเดินทางจากปัจจุบันเฉลี่ย 10 วัน เป็น 12 วันต่อคนต่อครั้ง โดยการปรับปรุงระบบโลจิสติกส์ ส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงหลายจังหวัด และเจาะการท่องเที่ยวสายความเชื่อ ซึ่งสามารถกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นได้อีกทาง และ 3.เพิ่มรายได้นักท่องเที่ยวต่อคนจากประมาณ 4,000 บาทต่อวัน เป็น 7,000 บาทต่อคนต่อวัน

แบ่งค่าเหยียบแผ่นดินอุดกองทุนฯ

นายสรเทพ โรจน์พจนารัช พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ทางพรรคมีแผนเสนอนโยบายแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.โรงแรม ซึ่งปัจจุบันเห็นว่ายังล้าสมัย โดยออก พ.ร.ก.ยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายที่เห็นว่าต้องแก้ไขออกไปก่อนเป็นเวลา 5 ปี จากนั้นเชิญผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องร่วมแก้ไขร่างกฎหมายฉบับใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาภาคท่องเที่ยวได้ตรงจุด

พร้อมเสนอให้นำงบประมาณจากการเก็บ “ค่าเหยียบแผ่นดิน” แบ่งออกมาจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นกองทุนเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถกู้ยืมได้ในยามวิกฤต และเสนอให้ปลดล็อกประวัติหนี้เสียของผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบในสถานการณ์โควิดด้วย และเน้นเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวและกระจายการท่องเที่ยว เช่น สร้างแนวระเบียงการท่องเที่ยว (Tourism Corridor) ขึ้น เป็นต้น

นอกจากนี้ยังต้องมองหาตลาดการท่องเที่ยวใหม่ ๆ เช่น การท่องเที่ยวด้านความบันเทิง (Entertainment Tourism) การจัดคอนเสิร์ตระดับโลก รวมถึงโฟกัสตลาดนักท่องเที่ยวดิจิทัลโนแมด

ดันท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติ

ด้านนายเขมพล อุ้ยตยะกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตัวแทนจากพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยมีเป้าหมายผลักดันการท่องเที่ยวให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของทั่วโลก โดยการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวที่มีอยู่ รวมถึงเปิดตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง

รวมทั้งให้ความสำคัญกับตลาดการท่องเที่ยวในประเทศ เช่น นำเสนอการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ซึ่งเคยมีตัวอย่างจากการจัดกรังด์ปรีซ์มอเตอร์ไซเคิลเรซซิ่ง (Moto GP) ซึ่งช่วยกระจายรายได้ให้กับจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียง

และบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ทำงานร่วมกันเพื่อให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นกระทรวงเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

ทั้งนี้ ตั้งเป้าว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศไทยเป็นจำนวน 20-25 ล้านคน มีรายได้คิดเป็น 80% ของปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19 และคาดว่าในปี 2570 ประเทศไทยจะมี GDP จากภาคการท่องเที่ยว 25%

อ่านข่าวต้นฉบับ: 7 พรรคขายฝันนโยบายท่องเที่ยว รื้อกฎหมาย-ผุดกองทุนตั้งรับวิกฤต



ที่มา : Prachachat/tourism
อ่านเพิ่มเติมได้ที่…7 พรรคขายฝันนโยบายท่องเที่ยว รื้อกฎหมาย-ผุดกองทุนตั้งรับวิกฤต

ตั้ง “สายสะหมอน ไซยะสอน” จากลาว เป็นรองประธานกุน ขแมร์สากล
น้ำมันคงที่-ทองคำลง หุ้นสหรัฐฯปิดบวกแคบจากข้อมูลค้าปลีก

Home