All News · July 22, 2023

ให้ AI เปิดประตูเส้นทางลงทุน นำทาง ‘คนรุ่นใหม่’ สู่วิถี Value Investor

โดย : ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO Jitta Wealth

ด้วยความล้ำยุคของ AI ทำให้หลายคนมองว่า AI จะเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุคที่ 4 สำหรับคนการเงินอย่างผม เชื่ออย่างสนิทใจว่า AI เป็นเครื่องมือสำหรับคนรุ่นใหม่ ในการบริหารจัดการเงินออมและเงินลงทุน ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้เราตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นเครื่องมือที่จะช่วยเพิ่มวินัยทางการเงิน เพื่อให้นักลงทุนคนรุ่นใหม่ในวันนี้สร้างพอร์ตลงทุนให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ไปเป็นนักลงทุนสาย VI (Value Investor) ได้ในวันข้างหน้า

เมื่อโลกถูกล้อมด้วย AI

ทุกวันนี้ AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว เรียกได้ว่าเรากำลังใช้ชีวิตร่วมกับ AI แบบไม่รู้ตัว โดยเฉพาะการมาของ ChatGPT ที่พัฒนาขึ้นมาจาก Generative AI (Gen AI) ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษญ์และ AI ใกล้ชิดกันมากขึ้น

เมื่อย้อนประวัติศาสตร์กลับไปจะพบว่า Gen AI เริ่มต้นพัฒนายุคแรกในช่วงปี 1950-1970 โดยเป็นการพัฒนา Neural Networks หรือโครงข่ายประสาทเทียมที่นำไปสู่การสร้างสรรค์ ‘เครื่องจักรที่มีความคิด’ ต่อมาในปี 1980-2010 ได้วิวัฒนาการมาสู่ Machine Learning ซึ่งเป็นยุคที่เราเริ่มคุ้นเคยกันแล้วนะครับ จนมาถึงปัจจุบันที่อยู่ในยุคของการพัฒนา Deep Learning เทคโนโลยีที่มีความลึกและซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก

ผมไปเจอบทความเกี่ยวกับ AI Revolution ที่ได้ทำนายอนาคตโลกไว้อย่างน่าตื่นเต้นว่า ในปี 2041 ให้เราเตรียมรับมือกับการยึดครองโลกของ AI  ได้เลย เพราะในอีก 20 ปีข้างหน้าเทคโนโลยีจะเกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกโฉมโลก เปรียบเสมือนการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ นับจากการปฏิวัติจากแรงงานคนและสัตว์มาเป็นเครื่องจักรไอน้ำ การปฏิวัติอุตสาหกรรมการผลิตจากพลังงานถ่านหินมาสู่พลังงานไฟฟ้า ก๊าซ และน้ำมัน

ทางด้านกลุ่มบริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันต่างๆ ก็มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า Megatrend ที่จะสั่นสะเทือนโลกในปี 2023 นี้ก็คือ AI นั่นเอง ซึ่ง AI ยุคใหม่มีการพัฒนาแบบก้าวกระโดด และมีการทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะในหลายๆ สายงานที่เราเคยมั่นใจว่า ‘มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่ทำได้’ แต่ความเชื่อนี้ได้ถูกลบล้างไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อโลกได้รับรู้ถึงชัยชนะของ AI ในการประกวดวาดภาพแข่งกับมนุษย์

อีกหนึ่งความสามารถของ AI ที่เราต้องยอมรับคือ การทำโฆษณาและมาร์เก็ตติ้ง ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าเรา (เผลอ) คลิก เข้าไปดู คลิปหมูกรอบ แค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ หมูกรอบจะตามติดเรามาอีกสิบคลิป ฟีดหมูกรอบจะขึ้นมารัวๆ ไปอีกพักใหญ่ พิสูจน์ให้เห็นว่า AI เข้ามาประชิดตัวเราได้เร็วและมากกว่าที่คิด

นั่นเป็นเพราะฐานข้อมูลขนาดมหึมาอย่าง Big Data ที่ทำงานคล้ายกับระบบประสาทของมนุษย์ สามารถประเมิน วิเคราะห์ คิดค้น หารูปแบบ หรือความเชื่อมโยงในสิ่งที่มนุษย์สนใจ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ให้ได้อย่างตรงจุดที่สุด

‘เทคโนโลยี’ ตอบโจทย์ชีวิต

เช่นเดียวกับ ChatGPT ที่อาศัย Big Data ตอบโจทย์การทำงานของคนรุ่นใหม่ในหลายๆ ด้าน เบสิคสุดคือให้ช่วยหาข้อมูล และเชื่อว่าหลายคนคงผ่านประสบการณ์นี้กันมาแล้วนะครับ ผมเองก็เคยลองให้ ChatGPT แนะนำการลงทุน ด้วยคำถามที่ว่า กลยุทธ์การลงทุนที่ดีที่สุดในตลาดหุ้นคืออะไร? และได้คำตอบแบบซื่อๆ กลับมาว่า ไม่มีกลยุทธ์ไหนที่เวิร์ก 100% ในการทำเงินจากตลาดหุ้น

แต่เจ้าบอทก็ยังใจดี ช่วยบอกเคล็ดลับให้เพิ่มเติมอีกว่า กลยุทธ์การลงทุนยอดนิยมประกอบด้วย

  1. Value Investing: กลยุทธ์ราคา ที่ควรซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสม แล้วรอให้ราคาเพิ่มขึ้นตามมูลค่าที่แท้จริง
  2. Growth Investing: กลยุทธ์ที่เน้นซื้อหุ้นของบริษัทที่มีผลประกอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
  3. Diversification: กลยุทธ์กระจายความเสี่ยง ด้วยการลงทุนในหุ้นที่หลากหลาย หลายบริษัท หลายกลุ่มอุตสาหกรรม หรือในสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยง
  4. Dollar Cost Averaging (DCA): กลยุทธ์ที่เน้นลงทุนด้วยเงินจำนวนเท่าๆ กันเป็นประจำ ไม่ว่าราคาหุ้นจะเป็นอย่างไร วิธีนี้จะช่วยผลกระทบจากความผันผวนต่อการลงทุนโดยรวมได้

ChatGPT ยังทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า คุณต้องจำไว้เสมอว่าการลงทุนในตลาดหุ้นมีความเสี่ยง ผลตอบแทนในอดีตไม่ได้การันตีผลตอบแทนในอนาคต การหารือกับที่ปรึกษาทางการเงินก่อนตัดสินใจลงทุนเป็นความคิดที่ดีเสมอ นักลงทุนตัวจริงคงจะคุ้นๆ กับคำตอบและคำเตือนเหล่านี้นะครับ เพราะมีให้เห็นในหนังสือแนะนำการลงทุนในหุ้นหลายเล่ม แต่ถ้าคุณเป็นนักลงทุนมือใหม่ที่เริ่มสนใจการลงทุนในหุ้น คำตอบของเจ้า Chatbot ตัวตึงแห่งปีรายนี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีได้เหมือนกันครับ

เริ่มต้นวางแผนการเงิน

ถ้าว่ากันตามหลักทฤษฎี การลงทุนของคนรุ่นใหม่หรือรุ่นไหนๆ ก็ตาม ควรเริ่มต้นที่ การวางแผนทางการเงิน เพื่อให้รู้ว่าเรามีรายได้เท่าไหร่ รายจ่ายเท่าไหร่ ส่วนที่เหลือเป็นเงินออมหรือเงินลงทุนควรเป็นเท่าไหร่ ซึ่งผมขอสรุปแนวทางวางแผนการเงินง่ายๆ เป็น 3 ขั้นตอนดังนี้

  1. ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย

โดยรวบรวมรายได้ในแต่ละเดือนมาให้ครบทั้งหมด ทั้งเงินเดือน ค่าคอมมิชชั่น ค่าโอที งานจ็อบ หรือเงินพิเศษต่างๆ ทางฝั่งรายจ่ายยิ่งสำคัญ ต้องใส่มาให้ครบทุกเม็ด เพื่อให้รู้ว่าคุณมีค่ามากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นค่าคอนโด ค่ารถ ค่ากิน ค่าน้ำ-ค่าไฟ-ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าเสื้อผ้า-รองเท้า-กระเป๋า ค่าท่องเที่ยว-บันเทิง-สุขภาพ-ความงาม หรือเงินที่ให้พ่อแม่ในแต่ละเดือน แล้วตัวเลขสุทธิที่ออกมาในบรรทัดสุดท้าย จะบ่งบอกความเป็นตัวคุณได้อย่างชัดเจน.. ฝากเป็นทิปไว้นะครับ ทุกวันนี้มีแอปลงบัญชีที่ช่วยให้ชีวิตของเราง่ายขึ้น

  1. กำหนดเป้าหมายลงทุน

ถ้าถามคนรุ่นใหม่ว่าเป้าหมายในชีวิตคืออะไร อยากรวยคือคำตอบที่ใช่ที่สุดของใครหลายๆ คน ถือเป็น ‘Passion’ ที่ตรงไปตรงมาของคนยุคนี้ คำถามที่ตามมาคือ อยากรวยแค่ไหน รวยตอนไหน รวยด้วยวิธีอะไร แล้วจะเอาเงินไปใช้อะไร ไม่ได้ถามกวนๆ หรือเล่นๆ นะครับ แต่เป็นโจทย์เพื่อให้เราปักหมุดไปสู่เป้าหมายการลงทุนได้อย่างแท้จริง

  1. เลือกสินทรัพย์ลงทุน

เมื่อกำหนดเป้าหมายได้แล้ว ก็มาดูว่าจะลงทุนในอะไรที่จะพาเราไปสู่เป้าหมายนั้นได้ ซึ่งผมขอให้ไกด์ไลน์ประกอบการพิจารณาไว้ 3 ข้อคือ ต้องดูที่ผลตอบแทน ระยะเวลาที่ลงทุน และความเสี่ยงของสินทรัพย์นั้นๆ

แล้วจะเริ่มต้นลงทุนเท่าไหร่ดี? อาจนำหลักการออมมาเป็นตัวช่วย โดยแบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็น 2 ส่วนด้วยสูตร 80/20 โดย 80% ของรายรับสามารถนำไปใช้จ่ายได้ ส่วนที่เหลือ 20% ให้กันไว้เป็นเงินออมหรือเงินลงทุน เช่น ถ้าคุณเป็น First Jobber ในวัย 25 เพิ่งทำงานได้ 2-3 ปี เงินเดือน 25,000 บาท ควรแบ่งเงินไว้เป็นค่าใช้จ่ายประจำ 20,000 บาท เงินเก็บ 5,000 บาท ซึ่งในส่วนของ 5,000 บาทนี้ ค่อยมาจัดสรรอีกทีว่าจะออมหรือลงทุนเท่าไหร่

ซึ่งตามทฤษฎีนักลงทุนที่มีอายุในช่วง 25-30 ปี สามารถลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงได้ถึง 80% ของเงินออมเลยทีเดียว นั่นหมายความว่า หากสัดส่วนเงินออมของคุณอยู่ที่ 5,000 บาท/เดือน คุณสามารถลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงได้ 4,000 บาท แต่ใดๆ ก็ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่แต่ละคนจะยอมรับได้นะครับ ถ้าคุณรู้สึกว่า 80% เยอะเกินไปก็สามารถจำนวนลงมาได้

การใช้วิธี DCA ตามทฤษฎีลงทุนขั้นพื้นฐาน หรือจะตามคำแนะนำของ ChatGPT ก็แล้วแต่ เป็นเครื่องมือที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ ที่อาจค่อยๆ ทยอยสะสมเงินลงทุนทีละน้อยๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อการลงทุนในระยะยาว ตัดกังวลเรื่อง ‘ความผันผวน’ หรือ ‘อารมณ์’ ของตลาดในช่วงสั้นออกไปได้เลย

และด้วยโควต้าเงินลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง 4,000 บาท/เดือน ตามตุ๊กตาที่ตั้งไว้ คุณอาจจัดสรรเงินก้อนนี้ มาทยอยลงทุนแบบ DCA ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน หรือทุกไตรมาส อาจจะเป็นสัปดาห์ละ 1,000 บาท เดือนละ 4,000 บาท หรือไตรมาสละ 10,000 บาท ตามที่สบายใจและสะดวกกระเป๋าได้เลยครับ

เริ่มก่อนรวยกว่า

‘อยากรวยเร็ว’ คือสุดยอดความปรารถนาของคุนยุคนี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดนะครับ เพราะคนรุ่นใหม่ในโลกดิจิทัลอาจเห็นความรวยเป็นเรื่องง่าย ภาพ ‘อายุน้อยร้อยล้าน’ หรือ ‘Self Millionaire’ มีให้เห็นกลาดเกลื่อนเต็มสังคมโซเชียล ทั้งที่พิสูจน์ได้และไม่ได้ จนกว่าความจริงจะปรากฎออกมา และมีหลายคนที่เดินทางผิดบนถนนสายความร่ำรวย ทั้งผิดกฎหมาย ผิดหลักการ ผิดวิธี หรือผิดที่ความคิด ‘ความรวย/ความโลภ’ หรือ ‘การลงทุน/การเก็งกำไร’ อาจเป็นเพียงเส้นกั้นบางๆ แต่เมื่อไหร่ที่เกิดความผิดพลาดขึ้น เราถึงได้รู้ว่าผลที่ตามมานั้นใหญ่หลวงกว่าที่คิดมาก

แต่ถ้าปรับมุมคิดอีกสักนิด จากที่อยากรวยเร็วๆ มาเป็นการสะสมความมั่งคั่ง เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางการเงินให้ยั่งยืนได้ในระยะยาว และสามารถสร้างอิสรภาพทางการเงินได้เร็วขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และการที่จะได้มาซึ่ง 3 คีย์เวิร์ดหลัก มั่งคั่ง ยั่งยืน และอิสรภาพทางการเงิน คุณต้องมีต้นทุน 3 อย่างคือ เงิน เวลา และความรู้ ซึ่งแน่นอนครับ แต่ละคนย่อมมีไม่เท่ากัน

หากความพร้อมในการลงทุนยังไม่เพียงพอ คุณต้องหามาเพิ่มเติม ถ้าไม่พร้อมเรื่องเงินให้กลับไปดูหลักการออม หากไม่สามารถเพิ่มรายได้ก็ต้องลดค่าใช้จ่าย แล้วสัดส่วนเงินออมเงินลงทุนก็จะเพิ่มขึ้น ถ้าไม่มีเวลาก็ต้องจัดสรร ถ้าไม่มีความรู้ก็ต้องศึกษา ความไม่พร้อมไม่ใช่ข้ออ้างในการเริ่มลงทุน เพราะสำหรับการลงทุน เวลาเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่ง คนที่เริ่มลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อยจะมีโอกาสสร้างความมั่งคั่งได้มากกว่าเมื่อระยะเวลาผ่านไป

Jitta Wealth ได้ทำแบบจำลองการลงทุนของคนรุ่นใหม่ 2 คน ซึ่งลงทุนในสินทรัพย์เดียวกัน ให้ผลตอบแทนเท่ากันในอัตรา 10% ต่อปี โดยได้ผลตอบแทนทบต้นทุกเดือน แต่เริ่มลงทุนในอายุที่ต่างกัน และใช้ระยะเวลาลงทุนจนถึงวัยเกษียณไม่เท่ากัน มาดูผลทดสอบกันครับ

A เริ่มลงทุนตั้งแต่อายุ 25 ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 5,000 บาท/เดือน โดยใช้วิธีลงทุนแบบ DCA ทุกเดือน ใช้เวลาลงทุนระหว่างอายุ 25-34 ปี ผ่านไป 10 ปีมีเงินลงทุนรวม 600,000 บาท เมื่ออายุ 60 ปีมูลค่าพอร์ตลงทุนรวมอยู่ที่ 10.91 ล้านบาท เมื่ออายุ 80 ปีมีเงินใช้หลักเกษียณ 45,476 บาท/เดือน

B เริ่มลงทุนเมื่ออายุ 35 ปี ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 5,000/เดือน โดยใช้วิธี DCA ทุกเดือนเช่นเดียวกัน ใช้เวลาลงทุนระหว่างอาายุ 35-54 ปี ผ่านไป 20 ปีมีเงินลงทุนรวม 1,200,000 บาท เมื่ออายุ 60 ปีมูลค่าพอร์ตลงทุนรวมอยู่ที่ 5.29 ล้านบาท เมื่ออายุ 80 ปีมีเงินใช้หลังเกษียณ 24,678 บาท/เดือน

ผลลัพธ์ที่ออกมาแตกต่างกันอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เชื่อว่าแบบจำลองนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ ‘เริ่มต้น’ ลงทุนได้เร็วขึ้นนะครับ แล้วคุณจะมหัศจรรย์กับตัวเลข ‘ผลตอบแทนทบต้น’

AI ตัวช่วยลงทุน

อย่างที่กล่าวมานะครับว่า ในการสร้างความมั่งคั่ง ยั่งยืน และอิสรภาพทางการเงิน คุณต้องมี 3 ต้นทุนคือ เงิน เวลา และความรู้ แต่หากนักลงทุนเยาวรุ่นอย่างคุณยังไม่พร้อมจริงๆ ให้มืออาชีพช่วยลงทุนก็เป็นทางออกที่ดีครับ ปัจจุบันนอกจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน (บลจ.) ที่มีทั้งองค์ความรู้และผู้เชี่ยวชาญ ช่วยบริหารพอร์ตลงทุนให้ ยังมีเทคโนโลยีที่เป็นตัวช่วยอีกแรงหนึ่ง หลายบริษัทใช้ความอัจฉริยะของ AI เข้ามาเป็นเครื่องมือในการลงทุน เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักลงทุนรุ่นใหม่

ซึ่งการทำงานของ AI ในการลงทุน จะวิเคราะห์ข้อมูลจากฐาน Big Data โดยใช้ Algorithm หาผลลัพธ์ของราคาหุ้นหรือดัชนีเพื่อการตัดสินใจลงทุน หลายแพลตฟอร์มลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าตลาดอย่างสม่ำเสมอ เพราะจุดเด่นของ AI คือ ‘ขยัน’ และ ‘ไร้อารมณ์’ Algorithm จึงทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและไม่ต้องสนใจอารมณ์ของตลาด

ตลอด 11 ปีที่ผ่านมา Jitta ได้นำเทคโนโลยี AI เข้ามาวิเคราะห์หุ้นพื้นฐานดี จากงบการเงินย้อนหลัง 10 ปี จนวันนี้ครอบคลุมการตลาดหุ้นใน 29 ประเทศ สแกนหุ้นมากกว่า 48,000 บริษัท และใช้งานได้ทุกฟีเจอร์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ช่วยให้นักลงทุนทั่วโลก เฟ้นหา ‘หุ้นดีราคาเหมาะสม’ ที่นำไปใช้ได้ทันที โดยไม่ต้องศึกษาและวิเคราะห์งบการเงินด้วยตัวเอง และยังต่อยอดมาถึง Jitta Wealth ก็ได้นำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยบริหารกองทุนส่วนบุคคลให้กับลูกค้าด้วยเทคโนโลยีในการวิเคราะห์คุณภาพสินทรัพย์ และบริหารพอร์ตลงทุนอย่างมีวินัย เพื่อการลงทุนระยะยาว ตามหลัก Warren Buffett ด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำ เพื่อผลกำไรที่งอกเงยอย่างยั่งยืน

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี นอกจากจะเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตแล้ว ยังเป็นช่องทางใหม่ๆ ในการสร้างรายได้ เปิดโอกาสการเข้าถึงบริการทางการเงินและการลงทุนให้กว้างมากขึ้น หากคุณเป็นคนนึงที่รู้สึกว่าต้องการเป็นนักลงทุนเน้นคุณค่าหรือ Value Investor แต่โลกการเงินการลงทุนช่างซับซ้อนและเข้าใจยาก ผมก็จะตอบว่าคุณคือแรงผลักดันหลักในการทำงานของจิตตะและจิตตะ เวลธ์ เลยล่ะครับ เพราะ Mission ของเราคือ “การช่วยนักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้นด้วยหลักการลงทุนที่ง่าย”

‘การเปลี่ยนแปลง’ เป็นธรรมดาของโลกนะครับ หากเราต้องอยู่กับการเปลี่ยนแปลง เราสามารถใช้ก็ควรใช้ความเปลี่ยนแปลงนั้น เปิดโลกการลงทุนที่นอกจากผลตอบแทนที่ดีแล้ว ยังมาพร้อมเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสร้างวินัยทางการเงินได้ เพื่อไปสู่ถนนสาย VI ได้อย่างมั่นคงและมีอิสรภาพทางการเงินในระยะยาว

สุดท้ายผมขอทิ้งท้ายไว้ด้วยคำกล่าวของ Charles Darwin นักธรรมชาติวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านวิวัฒนการของสิ่งมีชีวิต ที่ว่า ‘สิ่งมีชีวิตที่จะอยู่รอด ไม่ใช่เพราะสปีชีส์ที่แข็งแกร่งที่สุดหรือฉลาดที่สุด แต่เป็นสปีชีส์ที่ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้เร็วที่สุด’  ขอให้มีความสุขบนถนนสายการลงทุนครับ

อ่านข่าวต้นฉบับ: ให้ AI เปิดประตูเส้นทางลงทุน นำทาง ‘คนรุ่นใหม่’ สู่วิถี Value Investor



ที่มา : Prachachat/finance
อ่านเพิ่มเติมได้ที่…ให้ AI เปิดประตูเส้นทางลงทุน นำทาง ‘คนรุ่นใหม่’ สู่วิถี Value Investor

BITE SIZE : “ปลากระเบน” ภัยการเงินใหม่ที่แบงก์ชาติเฝ้าระวัง
แค่อินใช่มั้ย? "อุ้ม ลักขณา" แชร์ซีนหนังเศร้า "กว่าฉันจะเลิกรักเธอได้ มันยากมากนะ"

Home