บลจ.วรรณ ชี้หุ้นไทย-ต่างประเทศ การฟื้นตัวยังเปราะบาง ตราสารหนี้มีโอกาสเผชิญความผันผวน แนะลงทุนกองทุนที่มีนโยบายลงทุนแบบจัดพอร์ตกระจายความเสี่ยงทุกสินทรัพย์ ชูกอง ONE-ULTRA หลังปรับแผนเพิ่มความคุ้มครองใหม่ในส่วนของสิทธิประโยชน์ประกันสุขภาพ มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทน 3-4% ต่อปี
วันที่ 18 ตุลาคม 2566 นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า สินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะตราสารทุน การฟื้นตัวยังคงเปราะบาง เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและการดำเนินนโยบายทางเงินในหลาย ๆ ประเทศที่ยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง
อย่างไรก็ดี ยังคงต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3/2566 ซึ่งจะมีขึ้นประมาณช่วงกลางเดือนตุลาคม โดยเริ่มมีการคาดการณ์ส่วนใหญ่กำไรต่อหุ้น (EPS) มีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุดจากสัญญาณเงินเฟ้อที่ชะลอตัว และจากปัจจัยด้านผลประกอบการที่เริ่มฟื้นตัวจะช่วยจำกัดแรงกดดันต่อสินทรัพย์ในระยะข้างหน้า
โดยตลาดหุ้นต่างประเทศยังคงผันผวน จากการประชุมธนาคารกลางต่าง ๆ และตัวเลขเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัว อีกทั้งตลาดยังมีความกังวลการเติบโตของเศรษฐกิจจีน ประกอบกับปัจจัยด้านความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ในระยะนี้ ดังนั้นการกระจายความเสี่ยงยังคงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะสามารถช่วยจำกัดความผันผวนและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
ในส่วนของตลาดตราสารหนี้ไทย อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสั้นมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีขึ้นไป มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อ จากอุปทานพันธบัตรรัฐบาล
อย่างไรก็ดี บริษัทมองว่าทิศทางราคาตราสารหนี้ไทยยังคงมีแนวโน้มผันผวน จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมถึงข่าวที่ธนาคารเจพี มอร์แกน เชส จะนำตราสารหนี้ของอินเดียเข้าร่วมในการคำนวณดัชนีตราสารหนี้ของตลาดเกิดใหม่ (GBI-EM) สูงสุดราว 10% นับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2567 ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนของพันธบัตรรัฐบาลไทยในดัชนีดังกล่าวลดลง เหล่านี้ยังกดดันให้นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิตราสารหนี้ไทย
“สินทรัพย์ยังมีโอกาสเผชิญความผันผวน โดยกลยุทธ์การลงทุนแนะนำกองทุนที่มีนโยบายกระจายความเสี่ยงในทุก ๆ สินทรัพย์ ได้แก่ กองทุนเปิด วรรณ อัลตร้า อินคัม ฟันด์ (ONE-ULTRA) โดยจุดเด่นของกองทุน คือ การใช้กลยุทธ์กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย (Asset Allocation) เพื่อลงทุนตราสารหนี้ หุ้น ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน หรือเงินฝากทั้งในประเทศหรือ/และต่างประเทศและเน้นบริหารการลงทุนเชิงรุกให้สอดคล้องกับทุกๆสภาพตลาด
โดยปัจจุบัน มีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยประมาณ 60% ซึ่งเน้นลงทุนในตราสารหนี้เอกชนคุณภาพดีในประเทศ บริษัทยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการกระจายการลงทุน ซึ่งช่วยให้กองทุนมีความผันผวน (volatility) ต่ำ และได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงด้านราคา สินทรัพย์ค่อนข้างจำกัด สามารถลงทุนได้ในทุกสภาวะ” นายพจน์กล่าว
นายพจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความแตกต่างของกองทุนรวม ONE-ULTRA คือผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุน ONE-ULTRA จะได้รับสิทธิความคุ้มครองสิทธิประโยชน์ประกันชีวิตและสิทธิประโยชน์ประกันสุขภาพของบริษัทประกันชีวิต เอไอเอ จำกัด (มหาชน) โดย บลจ.วรรณ จะเป็นผู้รับภาระในส่วนของเบี้ยประกัน ซึ่งปัจจุบัน บลจ.วรรณได้ปรับแผนเพิ่มความคุ้มครองจากเดิม 4 แผน เป็น 5 แผน ซึ่งสิทธิประโยชน์ความคุ้มครองเป็นไปตามเงื่อนไขของการลงทุน
กองทุน ONE-ULTRA เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ระดับปานกลาง โดยเฉพาะผู้ลงทุนที่ต้องการจัดสัดส่วนของพอร์ตการลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนให้เหมาะสมกับภาวะตลาด ซึ่งกองทุนมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนในระดับประมาณ 3-4% ต่อปี
- ไซยะบุรีฯ ออกหุ้นกู้กรีนบอนด์สกุลบาท 3-5 ปี ดอกเบี้ย 5.15-5.55%
- เปิดชื่อ “เซียนหุ้นชื่อดัง” แห่ถือหุ้น TAN ผู้จัดจำหน่าย PANDORA-Marimekko
- ลาออกทั้งตระกูล “อุทกะพันธุ์” ขายหุ้น AMARIN เกลี้ยงพอร์ต
อ่านข่าวต้นฉบับ: บลจ.วรรณ มองหุ้นไทย-ตปท. ยังเปราะบาง ชูกองทุนผสม ยีลด์ 3-4% ต่อปี
ที่มา : Prachachat/finance
อ่านเพิ่มเติมได้ที่…บลจ.วรรณ มองหุ้นไทย-ตปท. ยังเปราะบาง ชูกองทุนผสม ยีลด์ 3-4% ต่อปี
