All News · May 20, 2024

เร่งสกัดมิจฉาชีพหลอกลงทุน

คอลัมน์ : เล่าให้รู้กับ ก.ล.ต.
ผู้เขียน : อาชินี ปัทมะสุคนธ์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ด้วยปัจจุบันภัยคุกคามและอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนในวงกว้าง รัฐบาลจึงมีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปราบปราม และต้องหาแนวทางป้องกันอย่างเร่งด่วน

โดยสถานการณ์การหลอกลวงออนไลน์ในปัจจุบัน จากข้อมูลของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พบว่า ความเสียหายจากการ “หลอกลงทุน” อยู่ในระดับสูง เฉลี่ยต่อวันราว 100 ล้านบาท*

ซึ่งหลอกกันง่าย ๆ โดยส่งข้อความผ่านระบบ SMS ผ่านโแอปพลิเคชั่น รวมถึงการโฆษณาชักชวนผ่านในโซเชียลมีเดีย

ก.ล.ต.มีความห่วงใยประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อถูกหลอกให้ลงทุนโดยมิจฉาชีพ ซึ่งมีทั้งถูกหลอกให้ลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมาย หรือใช้บริการ (เช่น ซื้อขาย) จากผู้ประกอบธุรกิจที่ผิดกฎหมาย

โดยที่ผ่านมา ก.ล.ต.ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการสกัดกั้นช่องทาง (ออนไลน์) ของมิจฉาชีพ อาทิ ได้ประสานงานกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, LINE, TikTok ในการปิดกั้นช่องทางของมิจฉาชีพที่มาเปิดบัญชีใช้งานบนแพลตฟอร์ม ๆ นั้นโดยเร็ว

จากข้อมูลสถิติโดยสรุป ในไตรมาส 1 ปี 2567 (วันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค. 67) ได้ปิดกั้นช่องทางของมิจฉาชีพไปแล้วทั้งหมด 403 บัญชี แบ่งเป็น Facebook จำนวน 287 บัญชี LINE จำนวน 30 บัญชี และ TikTok จำนวน 86 บัญชี คิดเป็นอัตราการปิดกั้นสำเร็จอยู่ที่ 98%

โดยระยะเวลาในการปิดเร็วที่สุดราว 15 นาที และเฉลี่ยไม่เกิน 24-48 ชั่วโมง

หลังจากที่ได้รับแจ้งข้อมูลหรือเบาะแสผ่านระบบรับแจ้งบนช่องทางออนไลน์ของ ก.ล.ต. หรือ โทร. 1207 กด 22 “สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน”

ก.ล.ต.ส่งเสริมให้ผู้ลงทุนมีทางเลือกการลงทุนที่หลากหลาย กระจายการลงทุนไม่กระจุกในที่ใดที่หนึ่ง สินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง หรือในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง สอดคล้องกับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ (กรณีที่สูญเสียไปแล้วไม่กระทบต่อฐานะของตนหรือครอบครัว) รวมทั้งไม่ได้ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการลงทุน

ไม่ว่าจะเป็นด้านผลิตภัณฑ์การลงทุนหรือผู้ให้บริการ (ทั้งด้านหลักทรัพย์และสินทรัพย์ดิจิทัล) ส่วนผู้ให้บริการต่างประเทศที่มุ่งหวังหรือมีเจตนาให้บริการแก่คนที่อยู่ในประเทศไทยเป็นการเฉพาะ

เช่น ตั้งตัวแทนคนไทย ส่งเสริมการตลาดและโฆษณาเป็นภาษาไทย ทั้งในแพลตฟอร์มของตน หรือผ่านโซเชียลมีเดีย การได้รับค่าตอบแทนจากการให้บริการไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เป็นต้น ซึ่งเป็นการกระทำที่เรียกว่า “Solicit”

และหากไม่ดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้องก็จะถือว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมายของไทย

ที่ผ่านมา หากเป็นการชักชวนผ่านการออกบูทในงาน Event หรืองานนิทรรศการต่าง ๆ ได้ติดตามและสังเกตการณ์อีเวนต์หรืองานจัดแสดงในลักษณะของการออกบูทที่เกี่ยวกับการแนะนำบริการด้านการลงทุนหรือชักชวนลงทุน รวมถึงประสานงานกับทางผู้จัดงานให้ช่วยกลั่นกรองผู้ที่
มาร่วมออกบูท

กรณีพบข้อสงสัยว่าเป็นผู้ประกอบการที่อาจเข้าข่ายการประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาตมาเชิญชวนให้ใช้บริการ หรือร่วมลงทุนในผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เสนอขายตามกฎหมาย ก.ล.ต.จะเข้าไปสังเกตการณ์และเก็บหลักฐานเพิ่มเติม

รวมถึงร่วมมือกับตำรวจโดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ในการลงพื้นที่เข้าตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ได้รับอนุญาต ที่มาออกบูทชักชวนประชาชนให้ใช้บริการในงานแสดงเทคโนโลยีทางการเงินด้วย

นอกจากนี้ ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้น ทำให้รูปแบบในการชักชวนลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์สามารถทำได้ง่ายขึ้น ก.ล.ต.จะสอดส่องดูแล ติดตาม และตรวจสอบ ทั้งการออกบูทหรือชักชวนทางออนไลน์

ถ้าพบว่ามีการกระทำหรือมีองค์ประกอบที่เข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมายภายใต้การกำกับของ ก.ล.ต.จะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับ และหากเข้าข่ายการกระทำที่อาจผิดกฎหมายอื่นก็จะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

ก.ล.ต.มุ่งมั่นพัฒนาแนวทางการกำกับดูแลทั้งด้านหลักทรัพย์และสินทรัพย์ดิจิทัลให้สอดคล้องกับระดับสากล ส่งเสริมการสร้างสภาพแวดล้อมในตลาดทุนและตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลให้มีความน่าเชื่อถือ และมีกลไกดูแลผู้ลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงพอ เหมาะสม สอดรับกับความเสี่ยงของแต่ละผลิตภัณฑ์ ควบคู่กับการสนับสนุนการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการระดมทุนที่มีศักยภาพ พร้อมรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนต่อไป

อ่านข่าวต้นฉบับ: เร่งสกัดมิจฉาชีพหลอกลงทุน



ที่มา : Prachachat/finance
อ่านเพิ่มเติมได้ที่…เร่งสกัดมิจฉาชีพหลอกลงทุน

เปิด 3 ทำเลยอดฮิต ผุดบ้านหรู-เจาะเศรษฐี แก้ปมแบงก์ปฏิเสธสินเชื่อ
พาณิชย์มั่นใจแจงทูต 20 ประเทศ คลายกังวลไล่จับธุรกิจนอมินี

Home